มหกรรม ฟุตบอลโลก ที่แฟนกีฬาทั่วโลก นับวันรอคอยที่จะเชียร์ทีมชาติที่ตนเองชื่นชอบ ที่จะติดตามเหล่าซุปเปอร์สตาร์ของแต่ละสโมสรประชันฝีเท้า โชว์ผลงานกันอย่างเต็ม หรือติดตามดาวรุ่งที่มักจะแจ้งเกิดในศึกฟุตบอลระดับชาติอยู่เสมอ ซึ่งคราวนี้จะเกิดขึ้นที่ประเทศกาตาร์ ทวีปในแทบตะวันออกกลาง ระหว่างวันที่ 21 พฤศจิกายน – 18 ธันวาคมนี้ ที่ได้ทการแบ่งสายเป็นที่เรียบร้อย ขาดเป็นบางประเทศที่รอทำการแข่งขันรอบเพลอ็อฟ เพื่อตามมาสมทบในแต่ละสาย ซึ่งก็มีประเด็นมากมายให้ได้ลุ้น ในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่จะถึงนี้ ทั้งทีมยักษ์ใหญ่อยู่ร่วมสายเดียวกัน คู่ปรับเก่าที่เคยห้ำหั่นกันมาแล้วเมื่อฟุตบอลโลกครั้งก่อน มาเจาะประเด็นกันมาศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ในรอบแรก มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง กันมาแล้ว
1.กลุ่ม E กรุ๊ป ออฟ เดธของแชมป์โลกเจอแชมป์โลก
ประกอบไปด้วย สเปน เยอรมัน ญี่ปุ่น และ อีกชาติที่รอการเพลอ็อฟ เป็นกลุ่มที่ดุเดือดที่สุด ที่ประกอบไปด้วยเยอรมันอดีตแชมป์โลก 4 สมัย โคจรมาพบกับแชมป์โลก 2010 ในรอบแบ่งกลุ่ม แล้วยังมีเบอร์ต้นๆ ของเอเชียที่ระยะหลัง ทำผลงานขึ้นมาต่อสู้กับชาติในยุโรปได้อย่างสบาย รออีกทีมที่ทำการเพลออ็อฟเข้ามาเป็นเหยื่อให้ขย้ำระหว่างคอสตาริก้า หรือนิวซีแลนด์
2.กลุ่ม H กรุ๊ป ออฟ เดธของยักษ์ใหญ่แต่ละทวีป
รองจากกลุ่ม E ที่ดุเดือดไม่แพ้กัน ใส่กันเต็มเหนียวอย่างแน่นอน ที่ประกอบไปด้วยชาติแนวหน้าของแต่ละทวีป โคจรมาพบกันทั้งโปรตุเกสแนวหน้าทางฝั่งยุโรปเจ้าของแชมป์ยูโรครั้งก่อน กาน่าแนวหน้าทางฝั่งแอฟริกา อุรุกวัยทีมต้น ๆ ทางอเมริกาใต้ และเกาหลีใต้ทางฝั่งเอเชีย ที่ดูแล้วสามารถออกได้ทุกหน้า ไม่ว่าชาติไหนก็มีโอกาสด้วยกันทั้งนั้น ด้วยประสบการณ์การขาประจำที่ผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
อีกทั้งยังมีประเด็นจับตรายอดแข้งกัปตันทีมชาติโปรตุเกส ที่พาทีมผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายได้สำเร็จ จะสามารถสร้างประวัติศาสต์ตะบันดาวซัลโวครั้งที่ 5 ได้หรือไม่ และตามห่างดาวซัลโวสูงสุดของฟุตบอลโลก อย่างมิโรสลาฟ โคลเซ่อยู่ถึง 9 ประตู CR7 จะจารึกชื่อของเขาในฟุตบอลโลก ที่อาจเป็นครั้งสุดท้ายของเขาก็เป็นได้
3.กลุ่ม B อังกฤษที่จะทำผลงานได้ดีเพียงใด
ในสายนี้ที่ประกอบไปด้วย อังกฤษ ,อิหร่าน ,อเมริกา และทีมจากรอบเพลอ็อฟ การจับฉลากในครั้งนี้มันไม่ใช่งานที่ง่าย หรือยากเกินไปของทีมชาติอังกฤษ ที่มหาชนแฟนบอลทั่วโลกต่างส่งกำลังใจเชียร์ ที่มักจะทำผลงานในศึกฟุตบอลโลกได้ไม่ดีนักจอดที่รอบแรกก็เคยมาแล้ว ครั้งนี้เป็นการพบกัน ที่แต่ละทีมไม่เคยมีประสบการณ์แข่งขันกันมาก่อน แต่ก็มีสัญญาณที่ดีขึ้นจากเป็นรองแชมป์ยูโรครั้งล่าสุด มาส่งแรงเชียร์กันว่าแชมป์โลกที่อังกฤษเฝ้ารอมาตั้งแต่ปี 1966 จะสมหวังดั่งใจหรือไม่
4.การนำทีมของทั้งโรนัลโด้ และเมสซี่
ที่สุดของนักฟุตบอลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเบอร์ 1 ของโลก ด้วยกันทั้งคู่กับการพาทีมชาติทะลุมาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จ ที่อาจจะเป็นสมัยสุดท้ายของทั้งคู่ก็มีสิทธิสูง ด้วยอายุที่ปาเข้าไปเกินกว่า 35 ปี ด้วยกันทั้งคู่ กับความท้าทายที่จะพาทีมชาติเข้าไปลึกถึงรอบไหนกัน ที่ครั้งหนึ่งโรนัลโด้เคยพาโปรตุเกสเถลิงแชมป์ยูโรมาแล้ว ส่วนเมซซี่ก็สามารถพาอาร์เจนติน่าชูถ้วยโคปาอเมริกามาได้สด ๆ ร้อน ๆ แต่ฟุตบอลโลกนั้นมันไม่ง่าย ลุ้นกันต่อไปสำหรับแฟนบอลของทั้งคู่
5.เส้นทางของฝรั่งเศสแชมป์เก่า
แชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัย และแชมป์เก่ากับฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด ที่ในนัดชิงถลุงโครเอเชียไปถึง 4 – 2 ซึ่งในครั้งนี้มีนักเตะสายเลือดใหม่ที่ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักอย่างเต็มตัว มีฟอร์มที่พีคหลาย ๆ คน ให้โชว์ฟอร์มกันได้อย่างเต็มที่ นำทีมโดยเอ็มบัปเป้ ,พอล ป็อกบา และดาวรุ่งอีกมากมาย ที่ฟิตรอโชว์ฟอร์มกันอย่างเต็มที่ ซึ่งในรอบแรกนั้นฝรั่งเศสอยู่ในกลุ่มเดียวกับ เดนมาร์ก ตูนิเซีย และทีมที่รอเล่นเพลอ็อฟ ซึ่งดูแล้วไม่ใช่ปัญหาของทัพตราไก่แต่อย่างใด กับนักเตะคุณภาพล้นทีมที่ต้องมองเป็นอย่างน้อยถึงการป้องกันแชมป์อย่างแน่นอน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ครั้งล่าสุดมีการป้องกันแชมป์โลกได้สำเร็จ ก็คือทีมชาติบราซิลโดยการนำทัพของเปเล้ตำนานตลอดกาลของโลกฟุตบอล แต่มันก็ต้องย้อนไปเมื่อ 60 ปีที่แล้วกันเลย
รู้หรือไม่ ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลศึกฟุตบอลโลกนั้นคือใคร
มิโรสลาฟ โคลเซ่ ดาวยิงจากทีมชาติเยอรมัน ที่สร้างผลงานลงเล่นให้กับทัพอินทรีเหล็กอย่างต่อเนื่องถึง 4 สมัย นับตั้งแต่สมัยแรกในปี 2002 ,2006 ,2010 และ 2014 ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นขาประจำที่โชว์การเล่นได้เป็นอย่างดีตลอดมา เล่นไปทั้งหมด 24 นัด ซัลโวประตูไปทั้งสิ้น 16 ประตู โดยเฉลี่ยที่ 0.67 ประตูต่อนัด ขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 ถึงปัจจุบัน โดยมีอันดับ 2 ดาวยิงแซมบ้าบราซิลโล้นทองคำโรนัลโด้ ที่ทำประตูรวมกันไปทั้งสิ้น 15 ประตู เฉียดกันแค่ลูกเดียวเท่านั้น กับความยิ่งใหญ่ในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
REF :